ขอเชิญชมนิทรรศการวิจัยของสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ในงาน Thailand Research Expo2018

ขอเชิญเข้าร่วมงานนิทรรศการ มหกรรมการวิจัยแห่งชาติ (Thailand Research Expo) ในระหว่างวันที่ 9-13 สิงหาคม 2561  มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2561 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วิจัยเพื่อพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยังยืน”

ในปีนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดงานในวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม 2561

ภายในงานประกอบด้วยการประชุมและสัมมนา 4 รูปแบบมากกว่า 100 หัวข้อ, นิทรรศการ, Highlight Stage, กิจกรรม Thailand Research Symposium 2018, กิจกรรมประกวดผลงานนวัตกรรมสายอุดมศึกษา 2561, Thailand Research Expo 2018 Award, กิจกรรม Research Clinic, การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากภาคเอกชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น

ในการนี้ สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้นำผลงานวิจัยจำนวน 4 โครงการวิจัย มาจัดนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย ซึ่งได้แก่

1. โครงการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจับยึดและพลิกคัมภีร์ใบลานอัตโนมัติสำหรับการถ่ายภาพดิจิทัลอนุรักษ์คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา”   โดย พระสุธีรัตนบัณฑิต และคณะ  เป็นงานวิจัยเชิงทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจับยึดและพลิกคัมภีร์ใบลานอัตโนมัติสำหรับการถ่ายภาพดิจิทัล และ เพื่อวิเคราะห์เทคโนโลยีเครื่องจับยึดและพลิกคัมภีร์ใบลานอัตโนมัติสำหรับการถ่ายภาพดิจิทัลสำหรับการอนุรักษ์คัมภีร์ธรรมทางพระพุทธศาสนา

2. โครงการวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมของชุมชนในการสร้างสรรค์งานพุทธศิลป์ในพื้นที่อุทยานธรรมลำน้ำงาว”
นักวิจัย: นายมานิตย์ กันทะสัก   email  mr.kantasak@hotmail.com

เนื้อหาโดยย่อ: งานพุทธศิลป์เป็นเครือมือหรืออุปกรณ์สำคัญ ในการเผยแพร่คติความเชื่อและปรัชญา ทางพระพุทธศาสนาให้เป็นรูปธรรม”  เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม PAR เพื่อการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน และพุทธศาสนิชน ณ หมู่บ้านภูเวียงหมู่ที่ 3 ตำบลบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน โดยมีวัดภูเวียงเป็นจุดศูนย์กลางของพุทธศาสนิกชน ผ่านการใช้ศิลปะเป็นกลไกลหรือสะพานเชื่อมคนชุมชน และพุทธศาสนิกชน จากกิจกรรมการสร้างฐานพระพุทธรูป ด้วยเทคนิคประดับกระจกแบบล้านนา จนทำให้เกิดผลต่อชุมชนคือ เกิดอุทยานธรรมลำน้ำงาว โดยมีการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบัน และยังสามารถรักษา และฟื้นฟูผืนป่าของชุมชนตำบลไว้ได้จนถึงปัจจุบัน

3.โครงการวิจัยเรื่อง “ รูปแบบการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเชิงพุทธบูรณาการของชุมชนบ้านท่าลาด ต.ไฮหย่อง อ.พังโคน จ.สกลนคร”  นักวิจัย: พระมหาเกรียงศักดิ์ อินฺทปญฺโญ,ดร.  Email: pmkrieng@gmail.com

โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สกว.ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น

เนื้อหาโดยย่อ: สังคมทุนนิยม ส่งผลต่อปัญหาความขัดแย้งในชุมชน ก่อเกิดผลกระทบต่อความเข้มแข็งของชุมชน ดังเช่นในหมู่บ้านท่าลาดต.ไฮหย่อง อ.พังโคน จ.สกลนคร อย่างไรก็ตามโครงสร้างทางสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี ของชาวบ้านยังเป็นกาวใจหล่อหลอมให้คนในชุมชนให้ยังคงสานความสัมพันธ์กันอยู่อย่างหละหลวม ซึ่งโครงการวิจัยนี้ เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมกับชาวบ้าน(PAR) โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อศึกษาข้อมูลประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีในอดีตของชุมชนบ้านท่าลาด  เพื่อศึกษาพัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงของชุมชน และปัจจัยเงื่อนไขที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคนในชุมชน และเพื่อสร้างรูปแบบการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีของคนในชุมชนบ้านท่าลาดที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

4. โครงการวิจัยเรื่อง  “โบราณคดีดอยเวียง ดอยวง แหล่งเรียนรู้ชุมชน: การจัดการ การอนุรักษ์และการสร้างเครือข่าย”

นักวิจัย: นางสาวอมลณัฐ ไฝเครือ  Email: praew_prf@hotmail.com
โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สกว.ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น   

เนื้อหาโดยย่อ: การวิจัยแบบปฏิบัติการมีส่วนร่วมของชุมชน(PAR)เพื่อค้นหาการแก้ไขปัญหาของชุมชนในด้านการจัดการแหล่งโบราณคดีชุมชน ของชุมชนบ้านเหล่าพัฒนา ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ทำให้ได้ผลเชิงพัฒนา คือ คนในชุมชนเกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแหล่งโบราณคดีชุมชน ดอยเวียงดอยวง อีกครั้ง/ชุมชนได้รับการพัฒนา แก้ไขปัญหา โดยการบูรณาการหลักพุทธธรรมกับภูมิปัญญาท้องถิ่น/มีการสร้างเครือข่ายระหว่างชุมชนกับหน่วยงานองค์กรภาครัฐและเอกชนได้มากขึ้น/ เกิดการจัดการของชุมชนเป็นระบบแบบแผนมากขึ้น

 

Loading

Scroll to Top
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.