[ad_1]
• เกียรตินิยมอันดับ1 • ทุนอานันทมหิดล
• ทุนรัฐบาลนอร์เวย์ • ทุนวิจัย36ล้าน
#อนาคตเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการลงมือทำในปัจจุบัน
ตั้งแต่เด็กจนโต
ผมไม่ค่อยมีทุนทรัพย์ในการเรียนสักเท่าไหร่
ที่จะเขียนโพสเพียงเพื่อ..
อยากให้กำลังใจ
แก่ใครก็ตามที่แวะเข้ามาอ่าน
และกำลังเผชิญกับความยากลำบาก
ในการศึกษา
สมัยอนุบาล
ผมเป็นเด็กที่หัวช้า
เรียนไม่เก่งที่สุดในห้อง
จำได้ว่าขนาดเลขบวกกันธรรมดาข้อเดียว
ใครทำเสร็จไปวิ่งเล่นได้
ผ่านไป 15 นาที
เด็กคนอื่นๆในห้องออกไปวิ่งเล่นหมดแล้ว
เหลือแต่เด็กชายปัญญาเพียงคนเดียว
ที่นั่งจ๋อยอยู่บนโต๊ะจนหมดชั่วโมง
สมัย ป 2
พ่อเคยถูก รร. เชิญไปพบ
เพราะจะบอกว่า..
ลูกชายเรียนภาษาอังกฤษห่วยเพียงใด
และยังตีมือเราต่อหน้าพ่ออีกด้วย
ตอนเดินกลับบ้าน
นอกจากพ่อจะจูงมือกลับบ้านตามปกติแล้ว
พ่อไม่โกรธเรา หรือมีท่าทีผิดหวัง
ในตัวเราแม้แต่น้อย
(1) ผมเคยเกือบจะไม่ได้เรียนต่อ ม 1
เพราะไม่มีเงินค่าเทอม
เงินค่าเทอมสมัยนั้น 800 บาท
แต่ในกระป๋องที่ขายขนมได้วันนั้น
คือ 300 บาท .. ผมคอตกเลยครับ
สุดท้าย.. แม่ผมเป็นฮีโร่
วิ่งเข้าไปยืมเงินในตลาด
จนได้มา 800 บาทจริงๆ
ใส่ในมือผมให้รีบไปจ่ายค่าเทอมที่โรงเรียน
(2) สมัย ม 1 จน ม 6
ปกตินอนเกือบเที่ยงคืน
และตื่นราวตีสี่ทุกวัน
เนื่องจาก ครอบครัวเลี้ยงปากท้อง
ด้วยการขายขนมข้างถนน
ที่นอนน้อย
เพราะต้องช่วยที่บ้านทำขนมขาย
เลิกเรียนต้องรีบกลับบ้าน
ไปรับแม่ที่ตลาด
ช่วยหิ้วของกลับบ้าน
เพราะแม่มือไม่ดี
โดนรถสิบล้อชนจนเส้นเอ็นขาด
สมัยตัวเอง อยู่ ป 2
กลับถึงบ้านผมจะขูดมะพร้าว
และทำอะไรๆอีกหลายอย่าง
ตีสี่จะเข็นรถไปตลาดกับพ่อไปตั้งร้าน
เคยจำได้ว่า.. มีวันนึง
แม่ตะโกนเรียกไม่ตื่น
โดนแม่เอาน้ำสาดหน้า
ตั้งแต่วันนั้น
ได้ยินเสียงแม่เรียกจะสะดุ้ง
ลงมาแทบไม่ทัน
แต่แม่นึกเสียใจถึงทุกวันนี้ ที่สาดน้ำใส่หน้า
ในขณะที่ลูกชายหัวเราะ ขำอดีตสมัยก่อน
(3) สมัยเรียนวิทยาศาสตร์ ม 2
ผมสอบ pretest ได้ที่โหล่ของห้อง
ได้คะแนน 3 คะแนนจาก 30
ครูเดินมาบอกว่า..ไม่เป็นไร แค่ pretest เอง
ผมจึงตั้งใจอ่านหนังสือ
ตั้งใจชนิดที่เรียกว่า..
อ่านไปเลยสิบรอบ อ่านเข้าไป
สอบกลางภาคอีกครั้ง
ได้คะแนนสูงสุดในห้อง 29.5 เต็ม 30
และนั่นคือ บทเรียนครั้งที่สองในชีวิต
ที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน
ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องมาพร่ำสอน
(ครั้งแรกคือเพลงชาติ)
(4) คนเราจะเข้มแข็งขึ้น
เมื่อมีแรงบันดาลใจ
และมีความตั้งใจ
ที่จะทำอะไรเพื่อใครสักคน
ผมในวัย ม 3
คิดว่า.. จะตั้งใจเรียนเพื่อพ่อแม่
เพราะเห็นแก่ความลำบากของพ่อแม่
ที่ทำงานหนักส่งเสียเลี้ยงดูตัวเอง
จึงตั้งใจเรียน ถึงขึ้นที่ว่า..
อดหลับอดนอนหลายคืน
เพื่อจะได้อ่านหนังสือ
เพราะอยากสอบได้ที่ 1 ของห้อง
เพียงแค่สักครั้งก็ยังดี
ผลคือเทอมแรก ได้ที่ 2
และ เทอมสอง ได้ที่ 1
(5) ผมได้รับความอนุเคราะห์
จากรพ.จุฬาลงกรณ์ และโบสถ์พระมหาไถ่
ในการศึกษาเล่าเรียนจนจบ ม.6
นอกจากนี้ ยังมีผู้มีพระคุณอีกมากมาย
ที่ไม่อาจจะเอ่ยชื่อได้ครบในโรงเรียน @พระโขนงพิทยาลัย
คุณคิดดูครับ ..
ในช่วงหนึ่งที่ตรงถนน
ที่เราไปขายขนมซ่อมแซม
ไม่มีใครผ่านไปมาแถวนั้น
ผมขายขนมไม่ได้เลย
สุดท้าย.. ผมเอาขนมเป็นร้อยๆห่อ
ไปขายที่โรงเรียน
อาจารย์หมวดภาษาไทย อ.พิกุล ภพพินิจ
และหลายท่านสงสาร
จึงเอาไปช่วยขายในห้องเรียน
ที่อาจารย์แต่ละท่านสอน
โดยบอกเด็กว่า..
ถ้าซื้อขนมที่เอามาขาย
จะอนุญาตให้กินในห้องเรียนได้
ตอนเย็นจึงไปรับเงินกลับบ้านไปให้แม่
ทำแบบนี้เป็นอาทิตย์จนถนนซ่อมเสร็จ
ครอบครัวผมจึงเอาชีวิตรอดไปได้
(6) ผมเอ็นติดคณะประมง
แต่ไม่มีเงินเล่าเรียน
จึงเดินทางไปคณะประมง มก
บอกกับคณะว่า..
สวัสดี ผมชื่อปัญญาครับ
ผมเอ็นติดคณะครับ
แต่ผมไม่มีเงินเรียน
จะให้ผมเรียนได้ไหมครับ ?
ในตอนนั้นพี่เค้างง
จึงไปตาม รศ ประไพสิริ สิริกาญจน มา
อาจารย์ถามว่า.. เธอเป็นใคร?
มาจากไหน?
ทำไมไม่มีเงินเรียน?
จนคุยเสร็จ
อาจารย์ประไพสิริ บอกว่า..
เราจะช่วยเธอ
แต่รับปากอาจารย์สามข้อได้ไหม
ว่าเธอจะขยันตั้งใจเรียน
จะซื่อสัตย์ และกตัญญู
.. ผมรับปาก
อาจารย์ประไพสิริจึงบอกว่า..
ให้เธอกลับบ้านไปก่อน
พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่
วันรุ่งขึ้น ผมมา..
มีชุดนิสิต รองเท้า ปากกา สมุด
กระเป๋า ถุงเท้า วางรออยู่
อาจารย์ให้ไปสมัครกองทุนกู้ยืม
และที่สำคัญคือ น้าเล็ก บาร์ใหม่
ผู้ใจบุญที่สุดในสามโลก
น้าเล็กให้ผมทานอาหารฟรี
ที่ร้านสามมื้อตลอด 4 ปี…
(7) ผมเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง
แต่ผมมีความตั้งใจ
ตั้งใจที่จะทำเพื่อพ่อแม่
ยิ่งตอนนั้นคุณพ่อเสีย
ความตั้งใจยิ่งเพิ่มพูน
เพราะไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง
ผมนอน 6 โมงเย็น ตื่นเที่ยงคืนทุกวัน
ไป ศร 3 ไปอ่านหนังสือ
ตั้งแต่วันแรกๆที่เริ่มเปิดภาคเรียนจนถึงเช้า
ไปอ่านจนยุงกัดเป็นไข้เลือดออก
ไปจนหมา ศร 3 จำหน้าได้
จำได้ว่า.. เคยอ่านเคมีทั่วไป
อ่านจนเหนื่อยไปนอนที่พื้น
บางวัน ตื่นขึ้นมามียากันยุงวางไว้
ไม่รู้ใคร .. สงสัยจะสงสาร
บางวันนอนตื่นมา
มีหมามานอนด้วยหลายตัว .. หายเหงาเลย
(8) หลังจากเรียนจบ
ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล
ไปเรียนต่อด้านการปรับปรุงพันธุ์สัตว์น้ำ
ที่ต่างประเทศแล้ว
ความรู้ที่ต่างประเทศ
ไปไกลกว่าบ้านเรามาก
พื้นฐานที่เรามี
ขนาดว่าที่ไทยก็ตั้งใจเรียนมากแล้ว
ยังไม่เพียงพอเลย
ต้องเรียน และใช้เวลา
กับการอ่านหนังสือหนักมาก จนแทบแย่
สุดท้ายก็สามารถจบโทเอก
ได้ตามกำหนดเวลาของหลักสูตร
ด้วยเปเปอร์ 5 เปเปอร์
และวิทยานิพนธ์อีกสามเล่ม
อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่า..
คุณเปลี่ยนไปมาก
จากวันแรกที่มายังดูเหมือนเป็นเด็กน้อย
ภาษาก็ไม่ดีพอ
ดูคุณวันนี้สิ
พัฒนาการของคุณยอดเยี่ยมมาก
(9) เรียกได้ว่าเป็นคนไทยคนเดียว
ที่เขียน proposal postdoc ด้วยตัวเอง
เพื่อชิงทุนจากรัฐบาลนอร์เวย์
และชนะได้สองทุน ทั้งทุนวิจัย
และทุนเดินทางไปทำงานวิจัยต่างประเทศ
ในช่วงpostdoc ผมมีงานวิจัย
ทั้งที่อยู่ในรูปแบบ full publication
และบทคัดย่อ มากกว่า 20 ชิ้น
ผมทำงานวิจัยหนักมาก
จนก่อนกลับ
แม้นจะมีตำแหน่งประจำรออยู่ที่นอร์เวย์
และเงินทุนวิจัยอีก 36 ล้านบาทไทยรออยู่
ผมเลือกที่จะกลับประเทศไทย
เพราะผมต้องการเอาความรู้ความสามารถ
มาพัฒนาประเทศ
…กว่าจะมาเป็นผม ดร.ปัญญา ในวันนี้
ผมผ่านอุปสรรคมากมาย
แต่ที่ผ่านมาได้
เพราะมีคนมากมาย
ที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ครบช่วยเหลือเรา
แต่ก่อนที่เค้าจะเข้ามาช่วย..
สิ่งแรกที่เราต้องทำ
คือ เพียรพยายามทำด้วยตัวเอง
โดยนึกถึงความลำบากของพ่อแม่
เอาไว้ให้มาก
นั่นล่ะ คือ.. พลังของผม
💚 ใ น ค ว า ม ท ร ง จ ำ
Cr: เฟสบุค พี่หลวงชวนอ่าน
ขอบคุณค่ะ
[ad_2]
Source