• ประวัติ/สิ่งที่น่าสนใจ : “พ่อพญาสี่เขี้ยว” เป็นชื่อที่ชาวไท-ยวนบ้านสีคิ้วให้ความเคารพนับถือในฐานะเสื้อบ้านเสื้อเมืองเป็นดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองลูกหลานเมืองสีคิ้ว ให้อยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ประวัติและตำนานพ่อพญาสี่เขี้ยวได้เล่าผ่านร่างทรงว่า พ่อพญาสี่เขี้ยวเป็นเจ้าเมืองเชียงแสนในอดีตกาลเมื่อหลายพันปีมาแล้ว ประสูติเมื่อ จ.ศ. 23 สวรรคตเมื่อ จ.ศ. 115 รวมสิริพระชนม์ได้ 92 พรรษา เสด็จพ่อทรงพระนามว่า “พระเจ้าพรหมจันทรา” เป็นผู้มีเชื้อสายยักษ์ เสด็จแม่ทรงพระนามว่า “พระนาศรัทธาวดี” มีเชื้อสายนาคราช ทรงมีพระญาติวงศ์ร่วมพระบิดามารดาเดียวกัน 4 พระองค์ คือ 1. พระนางกัณฑกาลาวัณย์ 2. เจ้าฟ้าทัตตาเทวัญ หรือพ่อพญาสี่เขี้ยว 3. เจ้าฟ้าอิทธิถังเทวัญ 4. พระธิดาสิริวันทา หรือเจ้าแม่ตองเขี้ยวในยุคสมัยนั้น เมืองเชียงแสนเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เจ้าเมืองปกครองแบบพ่อปกครองลูก แต่ต่อมาฝรั่งเศลได้ออกล่าอาณานิคม และเมืองเชียงแสนก็ถูกกองทัพฝรั่งเศสข่มขู่เอารัดเอาเปรียบ จนในที่สุดก็เกิดสงครามขึ้นและได้เผาเมืองเชียงแสน พระเจ้าพรหมจันทราพระนางศรัทธาวดี พระนางกัณฑกาลาวัณย์ และเจ้าฟ้าอิทธิถึงเทวัญ ต่างสิ้นชีพลงในเปลวไฟที่ไหม้วังที่ประทับนั่นเองเจ้าฟ้าทัตตาเทวัญ พร้อมด้วยมเหสีซ้ายขาว คือพระนางบัวผา พระนางบัวเผื่อน และพระเจ้าน้องยาเธอพระธิดาสิริวันทา ทหารเอกคู่ใจและลูกบ้านหลานเมืองจำนวนหนึ่งต่างหลบหนีออกจากวัง พากันหลบซ่อนด้วยความยากแค้น และได้ล่องแพตามลำน้ำโขงไปเรื่อย ๆ จนมาเกยตื้นที่สันทราย ณพื้นที่ปัจจุบันขึ้นกับอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย และแสวงหาที่สร้างบ้านเมืองที่เหมาะสมจนเดินทางล่วงถึงบริเวณอาณาเขตภูเขาดงพญาไฟใกล้ริมฝั่งลำตะคอง ซึ่งเต็มไปด้วยป่าสะแก จึงได้ตั้งรกรากหักร้างถางพงและปลูกที่อยู่อาศัยแล้วเรียกชื่อว่า “ทับสะแก” และที่เมืองทับสะแกนี้เจ้าฟ้าทัตตาเทวัญ ได้มีดพระโอรสกับพระนางบัวผา 1 องค์ ชื่อเจ้าฟ้าสร้อยทับฟ้า และมีพระโอรสกับพระนางบัวเผื่อนอีก 1 องค์ ชื่อเจ้าชายสร้อยปิ่นเพชร เมืองทับสะแกได้เริ่มเป็นบ้านเป็นเมืองเริ่มพัฒนาเป็นปึกแผ่น จนกระทั่งวันหนึ่ง เจ้าฟ้าทัตตาเทวัญได้นิมิตว่า พระอินทร์ได้เสด็จลงมาจากพรหมโลกโปรดตรัสกับพระองค์ว่า “ด้วยเกณฑ์ชะตาบารมีของท่านเป็นเกณฑ์ชะตากินบ้านกินเมืองขอให้ท่านจงไปถือศีลปฏิบัติธรรม นุ่งขาว ห่มขาว ณ เขาพระวิหาร เป็นเวลา 2 ปี แล้วอานิสงส์ครั้งนี้จะดลบันดาลให้พ้นชะตาร้าย จะได้เป็นเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่เจริญไปด้วยเมตตาบารมี”เจ้าฟ้าทัตตาเทวัญมีจิตมุ่งมั่นที่จะต้องปฏิบัติให้ได้ตามนิมิตนั้น จึงได้เสด็จไปยังเขาพระวิหารพร้อมด้วยทหารเอกคู่ใจ เมื่อเดินทางถึงได้อธิษฐานเป็นเพศพรหมจรรย์ปฏิบัติธรรมได้ถึงเดือนครึ่ง แต่บังเกิดความอยากเสวยเนื้อสัตว์มาก ถึงจะระงับความต้องการเท่าใดก็ไม่สามารถระงับยับยั้งได้เลยยอมลาเพศพรหมจรรย์ กลับมายังบ้านเมืองของตน ตลอดระยะทางที่เดินทางยังไม่สามารถหาเนื้อสัตว์มาเสวยได้ จนกระทั่งเดินทางมาถึงบ้านบุ่งลำใย ได้เห็นชายหนุ่มหญิงสาวสองคนหาบคอนผ่านมา พระองค์ได้ปรึกษาทหารเอกคู่ใจว่า “เราอยากเสวยเนื้อสัตว์ถึงกับต้องยอมสละเพศพรหมจรรย์ตลอดระยะทางที่ผ่านมาเรายังไม่สามารถหาเนื้อสัตว์มาเสวยได้ จำเราจะลองเสวยเนื้อมนุษย์ดูสักครั้งหนึ่ง ดูทีว่าจะเป็นอย่างไร” ดำริแล้วจึงโปรดให้ทหารเอกคู่ใจไปลวงชายหญิงสองคนนั้นฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาเสวย คำแรกที่เสวยเนื้อมนุษย์ผู้ชาย ซึ่งมีความเหนียวหยาบกระด้าง คำที่สองได้เสวยเนื้อมนุษย์ผู้หญิง ซึ่งมีรสชาติหวาน เนื้อนุ่มละมุนด้วยเจ้าฟ้าทัตตาเทวัญเป็นผู้มีวิชาคาถาอาคมเก่งกล้า ครั้นเมื่อได้เสวยเนื้อมนุษย์เข้าไปแล้ว จึงเกิดแพ้อาคมตนเอง พลันทันใดเขี้ยวในปากทั้งสี่เขี้ยวได้งอกออกยาวพ้นปาก ร่างกายได้ขยายสูงใหญ่เป็นร่างยักษ์ ขนาดรอบอกกว้างถึง 8 ศอก พอลูกบ้านหลานเมืองเป็นยักษ์จึงเกิดความกลัวว่า ถ้าไม่รีบกำจัดยักษ์ตนนี้แล้ว คงจับลูกหลานกินหมด จึงขอร้องให้ทหารเอกคู่ใจผู้รู้วิชาคาถาอาคมช่วยปราบยักษ์ ด้วยเพื่อความสงบสุขของผู้คนจำนวนมากทหารเอกคู่ใจจึงยอมสังหารยักษ์ด้วยธนูมนต์โดยได้ทำการสักการะขอขมายักษ์และยิงธนูมนต์ตรงไปยังร่างยักษ์ ธนูลูกแรกปักลงกลางหน้าอกธนูลูกที่สองปักลงตรงกลางหน้าผากอันเป็นจุดดวงใจของยักษ์ ยักษ์นั้นดิ้นทุรนทุรายขาดใจตาย(บริเวณบึงใหญ่ท้ายบ้านสีคิ้วในปัจจุบัน) พระขรรค์เพชรและเกือกแก้วยังจมพื้นธรณีอยู่ในทุกวันนี้เมื่อยักษ์ล้มตายไปแล้วได้กลายร่างเป็นร่างของเจ้าฟ้าทัตตาเทวัญ ลูกบ้านหลานเมืองเห็นดังนั้นต่างเสียใจกันทั่วหน้า ต่างรำลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ที่ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคจนสามารถสร้างบ้านสร้างเมืองได้เป็นปึกแผ่น แต่แล้วต้องกลับมาเสียชีวิตเช่นนี้ด้วยคุณงามความดีของพระองค์ที่อุตสาหะวิริยะสร้างบ้านแปลงเมืองจนเป็นปึกแผ่นลูกบ้านหลานเมืองทับสะแกได้พร้อมใจกันถวายพระนามว่า “เจ้าฟ้าพญาแสนคำรามสิริชัยโย” และทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของพระองค์สถิตย์เป็นเสื้อบ้านเสื้อเมืองทับสะแกตั้งแต่นั้นมา และเนื่องจากเมื่อเจ้าฟ้าทัตตาเทวัญได้กลายร่างเป็นยักษ์ มีเขี้ยวงอกยาวออกมาถึงสี่เขี้ยว ลูกบ้านหลานเมืองจึงเรียกว่า“พ่อพญาสี่เขี้ยว” มาจนทุกวันนี้ เมื่อทับสะแกได้ถูกเรียกชื่อใหม่เป็น “เมืองพญาสีเขี้ยว” แล้วต่อมาเรียก “เมืองสี่เขี้ยว” แล้วเป็น “สีคิ้ว” ในปัจจุบัน
  • GPS.ที่ตั้ง : 14.889732,101.720436
  • ราคา/ค่าเข้าชม : ฟรี
  • เวลาเปิด/ปิด : 08.00 – 17.00
Express Your Reaction
Like
Love
Haha
Wow
Sad
Angry